Support
Lelis Group
086-355-0761
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

โบท็อกซ์ (ฺBotox) สวย...ด้วยยาพิษ

lelisgroup@gmail.com | 28-11-2554 | เปิดดู 16655 | ความคิดเห็น 0

 

ภัยโบท็อกซ์ (Botox)สวยด้วยยาพิษ

วันที่: 19-11-2554

 

 

 

ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ 
ฝ่ายบริหารจัดการความรู้
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BioTec)
นักเขียนประจำ วิชาการ.คอม




เคยได้ยินคำว่า “โบท็อกซ์” กันบ้างไหมครับ?

เคยได้ยินไหมครับว่า มีสารที่ฉีดลบรอยเหี่ยวย่น (ตีนกา) บนใบหน้าได้? 
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงคำเล่าลือ? 

ในบทความตอนนี้ เราจะมาดูกันว่า คนเราอุตริวิตถารขนาดนำเอา “สารพิษ” มาใช้ประโยชน์ ในการทำศัลยกรรมความงามกันได้อย่างไร 

โบท็อกซ์ คืออะไร ? 

คำว่า “โบท็อกซ์ (Botox?) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของสารชีวภาพชนิดหนึ่งคือ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งถ้าใครไปค้นคำว่า “โบทูลินัม” ดู ก็จะพบว่าเป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งคือ คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ 
 

 

แบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่ถ่ายรูป และตกแต่งสีด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน


คำว่า “ท็อกซิน” นั้นแปลตรงตัวว่า “สารพิษ” แต่ว่าคำนี้เป็นคำกลางๆ นะครับ กล่าวคือ อาจจะเป็นสารพิษต่อมนุษย์หรือไม่ก็ได้ เช่น สารพิษบางอย่างเป็นพิษต่อแมลงบางชนิด แต่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ ในกรณีนี้ก็เรียกสารดังกล่าวว่า “ท็อกซิน” ได้เช่นเดียวกัน ส่วนคำว่า “เอ” นั้นระบุว่า ท็อกซินชนิดนี้เป็นหนึ่งในท็อกซินที่สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ผลิตได้ (มีทั้งหมด 7 ชนิด) 
ในบทความนี้ ผมจะขออนุญาตเรียกว่า “ท็อกซิน” ทับศัพท์ไป แทนที่จะใช้ว่า “สารพิษ” หรือ “ชีวพิษ” (ตามการบัญญัติศัพท์ของราช บัณฑิตยสถาน) เพราะต้องการหลีกเลี่ยงความหมายที่เหลื่อมล้ำกันเล็กน้อยสำหรับคำในภาษาอังกฤษและไทยนะครับ 

ขอสรุปง่ายๆ เสียตรงนี้ก่อนว่า โบท็อกซ์” นั้นมีที่มาจากท็อกซิน ที่พบในแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษในมนุษย์นั่นเอง 

ท็อกซินชนิดนี้พบตามธรรมชาติตั้งแต่ปี 1817 โดยนายแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ จัสทินัส เคอร์เนอร์ (Justinus Kerner) ท็อกซินชนิดนี้มีอันตรายไม่น้อย กล่าวคือ อาจมีความรุนแรง ถึงขนาดทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว เนื่องจากท็อกซินดังกล่าว จะออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาท (neurotransmitter) ชนิดหนึ่ง คืออะซีทิลโคลีน (acetylcholine) ได้ มีผลทำให้กล้ามเนื้อไม่อาจหดตัวได้ ซึ่งในผู้ป่วยรายที่เสียชีวิต สาเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากว่า กล้ามเนื้อหน้าอกซึ่งเกี่ยวข้องกับการหายใจ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ นั่นเอง 

อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วสินะครับว่า ถ้าการมีท็อกซินดังกล่าวมีอันตรายเช่นนั้นแล้ว ทำไมยังจะมีคนต้องการฉีด “โบท็อกซ์” อยู่อีก หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะสงสัยว่า ก็แล้ว “โบท็อกซ์” มาเกี่ยวข้องกับการลบรอยเหี่ยวย่นได้อย่างไร คำตอบเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวนั่นก็คือ … 
การที่กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ (หรือเป็นอัมพาตไป) ก็จะมีผลข้างเคียงสำคัญคือ มันจะไม่สามารถทำให้เกิด “รอยเหี่ยวย่น” ได้นั่นเองครับ
 

โปรตีนโบท็อกซ์ทำงานด้วยการแย่งจับกับสารสื่อประสาท (ในที่นี้ แทนสารสื่อประสาทด้วย 
ก้อนเล็กๆ ที่อยู่กันเป็นกระจุกบริเวณปลายเซลล์ประสาทในภาพ)
 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu May 02 06:29:02 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

ครีมทาฝ้า ครีมบำรุงผิวหน้า  Lelis ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประสิทธิภาพสูงจากอเมริกา ด่วน! ทดลองผลิตภัณฑ์ฟรี ที่บู๊ธเลอลิสทุกสาขา ท้าพิสูจน์ได้ผลจริงใน 5 นาที ติดต่อสอบถามโทร คุณภัทรานิษฐ์ 086-355-0761,  0863204522